วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552

ร้านเหล้าปั่น ภัยคุกคามเด็กไทย

ความพยายามส่งเสียงบอกรัฐให้เร่งจัดการปัญหาเหล้าปั่นและร้านเหล้ารอบสถานศึกษา ด้วยการให้ออกประกาศควบคุมโดยเร็ว เป็นเรื่องที่เครือข่ายเยาวชนพูดกันมายาวนาน เรียกได้ว่าไม่ว่าจะไปเวทีไหนก็ต้องพูดถึงเรื่องนี้ทุกครั้งไป โดยเหตุผลที่เหล่าเยาวชนมองเรื่องการออกมาตรการควบคุมร้านเหล้าให้ชัดเจนนั้น เป้าหมายเพื่อคุ้มครองเยาวชน เนื่องจากร้านเหล้ารอบสถานศึกษามีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างน่าวิตก

ล่าสุด เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่จากองค์กรทั่วประเทศเข้าพบ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เพื่อเรียกร้องให้แก้ปัญหาเหล้าปั่นรอบสถานศึกษา ที่ทำเนียบรัฐบาล ทุกเสียงของเยาวชนล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันโดยให้คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติเร่งพิจารณาร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ควบคุมเหล้าปั่นและร้านเหล้าปั่นรอบสถานศึกษา และให้ขึ้นราคาใบอนุญาตดังกล่าวทำได้ยากขึ้น

อุกฤษฏ์ จันทวี ประธานสภานักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ผู้ประสานงานเยาวชนหัวกะทิสร้างสรรค์ 9 สถาบัน หนึ่งในเครือข่ายเยาวชน กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเยาวชนไทยอยู่ในภาวะวิกฤติแล้ว มีการสำรวจพบว่า เยาวชนอายุ 7ปี เริ่มดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วทั้งที่น้องๆ อยู่ในช่วงประมเท่านั้น ขณะที่เด็กที่อยู่ในช่วงชั้นมัธยมก็เข้าสู่วงจรนักดื่มหน้าใหม่ผ่านเหล้าปั่น โดยร้านมีกลยุทธ์ดึงดูดใจลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นมากมาย แต่งร้านน่ารักๆ ราคาก็โดนใจโดยเฉพาะเด็กผู้หญิงพบว่าดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทเหล้าปั่น ซึ่งทุกวันนี้แทรกซึมเข้าสู่เด็กและเยาวชนไทยมาก ง่ายต่อการเข้าถึงร้านเหล้าเพราะตั้งอยู่โดยรอบสถานศึกษา และจำนวนร้านก็เพิ่มขึ้น

"หากยังมีร้านเหล้าปั่นล้อมรอบสถานศึกษา รอบมหาวิทยาลัยใกล้ๆโรงเรียนเพียงแค่ถนนคั่นกลางก็มีร้านเหล้า มองอนาคตของเด็กไทยไม่ออกว่าจะเป็นเช่นไร ไม่รู้ว่าจะมีเยาวชนอีกกี่คนที่ต้องตกเป็นทาสของน้ำเมา"

ผู้ประสานงานเยาวชนหัวกะทิสร้างสรรค์ฯ กล่าวว่า ปัญหาส่วนหนึ่งมาจากการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เข้มงวด มีร้านเหล้า ร้านค้า รวมถึงร้านสะดวกซื้อที่ฝ่าฝืนกฎหมาย จำหน่ายแอลกอฮอล์ให้กับเยาวชน อยากขอให้รัฐควบคุมให้มากขึ้นกว่านี้สำหรับร้านต่างๆ อยากให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม ช่วยกันดูแลเยาวชน ไม่ใช่มุ่งหารายได้เพียงอย่างเดียว สงสารลูกหลานของเรากันบ้าง นอกจากนี้ กลุ่มทุนที่ประกอบธุรกิจจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งมีผลประโยชน์มหาศาลจากธุรกิจน้ำเมา ควรหันกลับมายึดหลักธรรมาภิบาล เปลี่ยนไปประกอบธุรกิจสร้างสรรค์สังคม สมควรหยุดได้แล้ว ประเทศไทยต้องการคนที่มีศักยภาพในการทำงานมากกว่าคนเมาแล้วหลับหรือเมาแล้วขับ ก่อให้เกิดปัญหาสังคมตามมาอีกมากมาย ทั้งอาชญากรรม ความรุนแรง ยังไม่รวมถึงปัญหาสุขภาพที่มีงานวิจัยยืนยันว่า เหล้าเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมากกว่า 60 โรค ไม่ใช่แค่โรคตับแข็งที่ใครๆเข้าใจเท่านั้น

นอกจากนี้อุกฤษฏ์ได้กล่าวว่า หลังจากได้ยื่นหนังสือให้กับ พล.ต.สนั่น เพื่อให้เร่งจัดการออกประกาศหรือมาตรการต่างๆซึ่งในวันนั้นท่านก็รับปากจะจัดการให้ ทางเครือข่ายเยาวชนก็กำลังจับตาดูว่าจะมีความคืบหน้าเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ทราบว่าคณะกรรมการชุดนี้จะมีการประชุมต้นเดือนตุลาคม เรียกหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องมาหารือและหาทางออกของการแก้ปัญหา หากได้ผลสรุปการประชุมที่ดี เป็นที่น่าพอใจ ผู้ใหญ่ช่วยจัดการปัญหานี้เพื่อให้เยาวชนรอดพ้นมหันตภัยน้ำเมา ทางเครือข่ายจะนัดรวมตัวอีกครั้ง เพื่อเดินทางไปยื่นหนังสือขอบคุณที่ทุกฝ่ายมีความจริงใจในการแก้ปัญหาแต่ หากไม่มีแนวทางปฏิบัติออกมาชัดเจนในการควบคุมร้านเหล้ารอบสถานศึกษาเราคงจะต้องหารือกันในเครือข่าย พร้อมทั้งกำหนดท่าทีในการเคลื่อนไหวเรื่องนี้ต่อไป จะไม่ละความพยายามอย่างแน่นอน

"การรวมตัวกันของเยาวชนเพื่อเรียกร้องในเรื่องนี้ เราหวังเห็นสังคมที่มีคุณธรรมจริยธรรมที่สำคัญต้องการเปลี่ยนแปลงค่านิยมของสังคมไทยที่มองว่า การดื่มสุราช่วยให้เข้าสังคมได้ ทำให้มีเพื่อน มีมิตรภาพเกิดขึ้น เพราะการอยู่ร่วมกันในสังคม เป็นที่ยอมรับของคนอื่นนั้นขึ้นกับการประพฤติปฏิบัติตัวกับสังคม ไม่ใช่การดื่มเหล้าเบียร์"อุกฤษฏ์ ในฐานะตัวแทนเยาวชนกล่าวถึงเจตนารมณ์ในการทำงานต้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งพวกเขาต่างเห็นว่า การรุกเข้ามาของธุรกิจน้ำเมาเป็นภัยคุกคามเยาวชนที่ยิ่งใหญ่ในขณะนี้

*ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์*

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น